ผู้แต่ง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ (เจ้าฟ้ากุ้ง)
ลักษณะคำประพันธ์ กาพย์ห่อโคลง
คำประพันธ์ประเภทกาพย์ห่อโคลง มีลักษณะทางฉันทลักษณ์ดังนี้ ขึ้นต้นด้วยกาพย์ยานี 1 บท แล้วตามด้วยโคลงสี่สุภาพ 1 บท ใจความเหมือนกัน กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง นั้นมีกาพย์ยานีและโคลงสี่สุภาพรวม 108 คู่ และโคลงปิดท้ายมี 2 บท
จุดประสงค์ในการแต่ง เป็นบทชมธรรมชาติ เพื่อความเพลิดเพลินในการเดินทาง
ที่มาของเรื่อง หนังสือปริทรรศน์ วรรณคดีไทยของนายตำรา ณ เมืองใต้
บทที่ 5 เที่ยวเล่นเป็นสุขเกษม
เร่ร่ายผายผาดผัง หัวริกรื่นชื่นชมไพร
สนุกเกษมเปรมหน้าเหลือบ ลืมหลัง
แสนสนุกปลุกใจหวัง วิ่งหรี้
เดินร่ายผายผันยัง ชายป่า
หัวร่อรื่นชื้นชี้ ส่องนิ้วชวนแล
ถอดคำประพันธ์ได้ว่า การเที่ยวเล่นในครั้งนี้ช่างมีความสุขสนุกสนาน เหลือเกินเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปในป่า หัวร่อต่อกระซิบกันอย่างสดชื่นรื่นเริงโดยการชี้ชวนให้ชมธรรมชาติต่างๆ
- ผาดผัง, ผายผัน หมายถึง เดินอย่างรวดเร็ว
- หรี้ คือ เป็นคำโทโทษของ “รี่” คำโทษคือคำที่ไม่เคยใช้ไม้โท แต่เอา มาแปลงใช้โดยเปลี่ยนวรรณยุกต์เป็นโท เพื่อให้ได้เสียงโทตามบังคับ, รี่ หมายถึง อาการที่เคลื่อนเข้าไปเรื่อยไม่รีรอ
- สองนิ้ว คือ ชี้นิ้ว
บทที่20 เลียงผาอยู่ภูเขา
รูปร่างอย่างแพะหมาย ขนเหม็นสาบหยาบเหมือนกัน
เลียงผาอยู่พ่างพื้น ภูเขา
หนวดพู่ดูเพราเขา ไปล่ท้าย
รูปร่างอย่างแพะเอา มาเปรียบ
ขนเหม็นสาบหยาบร้าย กลิ่นกล้าเหมือนกันถอด
คำประพันธ์ เลียงผาอยู่บนภูเขา มีรูปร่างคล้ายแพะ มีหนวดงาม ปลายเขาโค้งไปข้างหน้า ขนหยาบและมีกลิ่นเหม็นสาบเช่นเดียวกับแพะ
คำประพันธ์ เลียงผาอยู่บนภูเขา มีรูปร่างคล้ายแพะ มีหนวดงาม ปลายเขาโค้งไปข้างหน้า ขนหยาบและมีกลิ่นเหม็นสาบเช่นเดียวกับแพะ
คำศัพท์
- เพรา , พรายเพรา หมายถึง งาม
- แปล้ หมายถึง แบนราบ
- ไปล่ท้าย หมายถึง ปลายโค้งไปข้างหน้า
บทที่27 กระจงกระจิตเตี้ย
กระจงกระจิตเตี้ย วิ่งเรี่ยเรี่ยน่าเอ็นดู
เหมือนกวางอย่างตาหู มีเขี้ยวน้อยสร้อยแนมสอง
กระจงกระจิดหน้า เอ็นดู
เดินร่อยเรี่ยงามตรู กระจ้อย
เหมือนกวางอย่างตาหู ตีนกีบ
มีเคี่ยวขาวน้อยช้อย แนบข้างเคียงสอง
คำศัพท์
- กระจิด หมายถึง เล็กน้อย
- แนม หมายถึง แนบ
- หน้า หมายถึง หน้า เป็นคำโทโทษของ น่า
- กระจ้อย หมายถึง เล็กน้อย
- เคี่ยว หมายถึง เคี่ยว เป็นคำเอกโทโทษของ เขี้ยว
- ช้อย หมายถึง อ่อนช้อย
** คำเอกโทษ หมายถึง คำที่ไม่เคยใช้เอกแต่เอามาแปลงใช้โดยเปลี่ยนวรรณยุกต์เป็นเอก เพื่อให้ได้เสียงเอกตามบังคับ
บทที่28 ฝูงลิงใหญ่น้อยกระจุ้ย
ฝูงลิงใหญ่น้อยกระจุ้ย ชะนีอุ่ยอุ้ยร้องหา
ฝูงค่างหว่างพฤกษา ค่างโจนไล่ไขว่ปลายยาง
ฝูงลิงยวบยาบต้น พวาหนา
ฝูงชะนีมี่กู่หา เปล่าข้าง
ฝูงค่างหว่างพฤกษา มาสู่
ครอกแครกไล่ไขว่คว้าง โลดเลี้ยวโจนปลิว
ถอดคำประพันธ์ ฝูงลิงขย่มต้นพวาอยู่ยวบยาบ ฝูงชะนีร้องกู่หาคู่ของมัน ฝูงค่างกระโดดไปมาระหว่างต้นไม้ ฝูงลิงต่างพากันร้องขู่ตะคอกพร้อมทั้งกระโดดไล่ไขว่คว้ากัน
คำศัพท์
- กระจุ้ย หมายถึง เล็กๆ
- ยวบยาบ หมายถึง อาการที่ลิงขย่มต้นไม้ขึ้นลง
- พวา หมายถึง ต้นมะม่วง
- ครอกแครก หมายถึง เสียงขู่ตะคอกของลิง
บทที่44 งูเขียวรัดตุ๊กแก
งูเขียวรัดตุ๊กแก ตุ๊กแกแก่คางแข็งขยัน
กัดงูงูยิ่งพัน อ้าปากง่วงล้วงตับกิน
งูเขียวแลเหลื้อมพ่น พิษพลัน
ตุ๊กแกคางแข็งขยัน คาบไว้
กัดงูงูเร่งพัน ขนดเครียด
ปากอ้างูจึงได้ ลากล้วงตับกิน
ถอดคำประพันธ์ งูเขียวตัวเงาเป็นมันแต่ไม่มีพิษถูกตุ๊กแกคาบไว้ ในขณะเดียวกันงูเขียวก็รัดตุ๊กแกจนต้องอ้าปากและเข้าไปล้วงตัยตุ๊กแกเป็นอาหาร
คำศัพท์
- เหลื้อม หมายถึง เหลื้อม เป็นรูปโทโทษของ เลื่อม หมายถึงเป็น เงามัน
- พันขนดเครียด หมายถึง รัดให้แน่นมาก
ยูงทองย่องเยื้องย่าง รำรางชางช่างฟ่ายหาง
ปากหงอนอ่อนสำอาง ช่างรำเล่นเต้นตามกัน
ยูงทองย่องย่างเยื้อง รำฉวาง
รายร่ายฟ่ายเฟื่องฟาง เฉิดหน้า
ปากหงอนอ่อนสำอาง ลายเลิศ
รำเล่นเต้นงามหง้า ปีกป้องเป็นเพลง
ถอดคำประพันธ์ นกยูงทองย่องเยื้องย่างแล้วรำแพนหางเชิดหน้าขึ้น เห็นปากงอนอ่อนช้อย แสดงอาการรำเล่นด้วยการยกปีกขึ้นป้องตามเพลง
คำศัพท์
- รางชาง หมายถึง งาม สวย เด่น
- ฉวาง หมายถึง ขวาง
- รำฉลาง หมายถึง แผ่แพนหางออกกว้าง
- รายร่ายฟ่ายเฟื่องหาง หมายถึง ฟายหาง เป็นกิริยาของนกยูงเวลารำแพนหาง
- หง้า หมายถึง หง้า เป็นรูปโทโทษของ
- ง่า หมายถึง การงอก
- ฉวาง หมายถึง ขวาง
- รำฉลาง หมายถึง แผ่แพนหางออกกว้าง
- รายร่ายฟ่ายเฟื่องหาง หมายถึง ฟายหาง เป็นกิริยาของนกยูงเวลารำแพนหาง
- หง้า หมายถึง หง้า เป็นรูปโทโทษของ
- ง่า หมายถึง การงอก
บทที่48 ไก่ฟ้าอ้าสดแสง
ไก่ฟ้าอ้าสดแสง หัวสุกแดงแทงเดือยแนม
ปีกหางต่างสีเแกม สีแต้มต่างอย่างวาดเขียน
ไก่ฟ้าหน้าก่ำกล้า ปากแหลม
หัวแดงแฝงเดือยแนม เนื่องแข้ง
ปีกหางต่างสีแกม ลายลวด
ตัวต่างอย่างคนแกล้ง แต่งแต้มขีดเขียน
ถอดคำประพันธ์ ไก่ฟ้าหน้าสุกใสมีปากแหลม หัวสีแดง กำลังแทงเดือยขึ้นมา ปีกหางและลำตัวมีลวดลายสวยงามเหมือนอย่างคนแกล้งแต่งสีให้มัน
บทที่52 ดูหนูสู่รูงู
ดูหนูสู่รูงู งูสุดสู้หนูสู้งู
หนูงูสู้ดูอยู่ รูปงูทู่หนูมูทู
ดูงูขู่ฝูดฝู้ พรูพรู
หนูสู่รูงูงู สุดสู้
งูสู้หนูหนูสู้ งูอยู่
หนูรู้งูงูรู้ รูปถู้มูทู
ถอดคำประพันธ์ งู่ขู่หนูฟู่ๆ เพราะหนูจะเข้าไปในรูงู งูจึงสู้กับหนู หนูก็สู้กับงู สัตว์ทั้งสองต่างก็รู้เชิงซึ่งกันและกันโดยทำเสียงขู่ใส่กัน
คำศัพท์
- มูทู หมายถึง มูทู คือ มู่ทู่ หมายถึง ป้าน , ไม่แหลม (ในที่นี้ลดวรรณยุกต์เอก)
- ฝู้ หมายถึง ฝู้ เป็นรูปโทโทษของ ฟู่ หมายถึง เสียงดังเช่นนั้น คือ เสียงดังฟู่ เหมือนเสียงงูเวลาขู่
- ถู้ หมายถึง เป็นรูปโทโทษของ ทู่ หมายถึงไม่แหลม
นกแก้วแจ้วเสียงใส คลอไคล้คู่หมู่สาลิกา
นกตั้วผัวเมียคลา ฝ่าแขกเต้าเหล่าโนรี
นกแก้วแจ้วรี่ร้อง ร่หา
ใกล้คู่หมู่สาลิกา วดเคล้า
นกตั้วผัวเมียมา มสู่
สัตวาฝ่าแขกเต้า วกพ้องโนรี
ถอดคำประพันธ์ นกแก้วร้องแจ้วๆเร่หาคู่ โดยเข้าไปใกล้หมู่นกสาลิกา ส่วนนกกระตั้วสองตัวผัวเมียกำลังสมสู่กันอยู่ ในขณะที่นกสัตวาจะต้องฝ่านกแขกเต้าเข้าไปหานกโนรีซึ่งเป็นพวกพ้องของมัน
คำศัพท์
- สาลิกา หมายถึง ชื่อนกชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกันกับนกกิ้งโครง ตัวสีน้ำตาลเข้ม หัวสีดำ ขอบตาและปากสีเหลือง มีแต้มขาวที่ปีก ปลายหางสีขาว
- นกตั้ว หมายถึง นกกระตั้ว เป็นนกปากงุ้มเป็นขอ ลักษณะคล้ายนกแก้ว แต่ตัวโตกว่า
- สัตวา หมายถึง ชื่อนกชนิดหนึ่งในจำพวกนกแก้วตัวโต สีเขียวเกือบจะเป็นสีคราม
- แขกเต้า หมายถึง ชื่อของนกปากงุ้มเป็นขอ ข้างของคอคล้ายเครา ตัวผู้ปากสีแดง ตัวเมียปากสีดำ
- โนรี หมายถึง ชื่อนกปากขอคล้ายนกแก้ว ตัวมีสีสันสวยงาม
บทที่63 กระจายสยายซร้องนาง
กระจายสยายซร้องนาง ผ้าสไบบางนางสีดา
ห่อห้อยย้อยลงมา แต่ค่าไม้ใหญ่สูงงาม
กระจายสยายคลี่ซร้อง นงพนา
สไบบางนางสีดา ห่อห้อย
ยื่นเลี้อยเฟื้อยลงมา โบยโบก
แต่ค่าไม้ใหญ่น้อย แกว่งเยื้องไปมา
คำศัพท์
- สยายซร้องนาง หมายถึง ซ้องนางคลี่ เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง ขึ้นอยู่ตามต้นไม้อื่นๆลำต้นยาวห้อยลง แยกแขนงเป็นคู่
- สไบบางนางสีดา หมายถึง สไบนางสีดา ชื่อพรรณไม้ชนิดหนึ่ง
- ค่าไม้ หมายถึง ค่าคบ , ง่ามไม้ที่กิ่งแยกกัน
บทที่86 หัวลิงหมากลางลิง
หัวลิงหมากลางลิง ต้นลางลิงแลหูลิง
ลิงไต่กระไดลิง ลิงโลดคว้าประสาลิง
หัวลิงหมากเรียกไม้ ลางลิง
ลางลิงหูลิงลิง หลอกขู้
ลิงไต่กระไดลิง ลิงห่ม
ลิงโลดฉวยผู้ชม ฉีกคว้าประสาลิง
ถอดคำประพันธ์ กวีกล่าวถึงเถาหัวลิง ต้นหมากลิง และลิงบางตัวก็ขึ้นต้นหูลิงทำหน้าหลอกคู่ของมัน บ้างก็ไล่เถากระโดลิงขย่มเล่น บ้างก็กระโดดฉวยชมพู่คว้ามาฉีกเล่นตามภาษาลิง
คำศัพท์
- หัวลิง หมายถึง ไม้เถาชนิดหนึ่ง ผลขนาดส้มจีน มีสันตรงกลางคล้ายหัวลิง
- หมากลางลิง หมายถึง ชื่อปาล์มชนิดหนึ่ง
- ลางลิง , กระไดลิง หมายถึง ไม้เถาเนื้อแข็งชนิดหนึ่ง เถาแบนยาว
- งอกลับไปกลับมาคล้ายขั้นบันได
- หูลิง หมายถึง ชื่อพรรณไม้ชนิดหนึ่ง
- ขู้ หมายถึง ขู้ เป็นคำโทโทษของคำว่า คู่
- ชมผู้ หมายถึง ชมผู้ เป็นรูปโทโทษของคำว่า ชมพู่ หมายถึงผลไม้ชนิดหนึ่ง
ข้อคิดและคุณค่าที่ได้จากเรื่อง
ข้อคิด
1 ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ควรรักษาไว้ เพื่อให้ระบบนิเวศน์ดีขึ้น
2 การรักษาสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติเป็นหน้าที่ของทุกคน
3 กวีสามารถสร้างสรรค์งาน โดยอาศัยการสังเกตจากธรรมชาติ
4 การบันทึกประวัติศาสตร์จะอาศัยข้อมุลจากวรรณคดีในแต่ละสมัย
5 การเขียน-อ่านคำประพันธ์ ทำให้มนุษย์มีจิตใจที่ละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น
คุณค่า
ให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ ผู้อ่านจะได้รู้จักพืช-สัตว์นานาชนิด ทั้งที่คุ้นตาและแปลกตา ทั้งที่ปรากฏในอดีตและปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็จะได้ศึกษาวิธีการใช้ถ้อยคำของกวีที่สามารถเลือกสรรคำที่เข้าใจง่าย สื่อความหมายได้กรัจ่างชัด สื่อจินตภาพการเคลื่อนไหว สีและเสียง ตลอดจนการเล่นเสียงคำอย่างไพเราะ ทำให้การเสนอภาพธรรมชาติดังกล่าวมีชีวิตชีวา น่าสนใจ แสดงให้เห็นว่าแท้จริงแล้ววรรณคดีไม่ใช่เรื่องที่อ่านยาก เข้าใจยาก หรือน่าเบื่อ
ขอบคุณคราฟ