วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2557

กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง

 กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง 
 ผู้แต่ง  เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์   (เจ้าฟ้ากุ้ง)
    ลักษณะคำประพันธ์   กาพย์ห่อโคลง
คำประพันธ์ประเภทกาพย์ห่อโคลง มีลักษณะทางฉันทลักษณ์ดังนี้ ขึ้นต้นด้วยกาพย์ยานี 1 บท แล้วตามด้วยโคลงสี่สุภาพ 1 บท ใจความเหมือนกัน กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง นั้นมีกาพย์ยานีและโคลงสี่สุภาพรวม 108 คู่ และโคลงปิดท้ายมี 2 บท
   จุดประสงค์ในการแต่ง เป็นบทชมธรรมชาติ เพื่อความเพลิดเพลินในการเดินทาง
   ที่มาของเรื่อง หนังสือปริทรรศน์ วรรณคดีไทยของนายตำรา ณ เมืองใต้

บทที่ 5 เที่ยวเล่นเป็นสุขเกษม 


เร่ร่ายผายผาดผัง                                                   หัวริกรื่นชื่นชมไพร
               สนุกเกษมเปรมหน้าเหลือบ                   ลืมหลัง
แสนสนุกปลุกใจหวัง                                            วิ่งหรี้
เดินร่ายผายผันยัง                                                 ชายป่า
หัวร่อรื่นชื้นชี้                                                      ส่องนิ้วชวนแล

ถอดคำประพันธ์ได้ว่า           การเที่ยวเล่นในครั้งนี้ช่างมีความสุขสนุกสนาน    เหลือเกินเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปในป่า หัวร่อต่อกระซิบกันอย่างสดชื่นรื่นเริงโดยการชี้ชวนให้ชมธรรมชาติต่างๆ
- ผาดผัง, ผายผัน  หมายถึง เดินอย่างรวดเร็ว
- หรี้ คือ เป็นคำโทโทษของ รี่ คำโทษคือคำที่ไม่เคยใช้ไม้โท แต่เอา   มาแปลงใช้โดยเปลี่ยนวรรณยุกต์เป็นโท เพื่อให้ได้เสียงโทตามบังคับ, รี่ หมายถึง อาการที่เคลื่อนเข้าไปเรื่อยไม่รีรอ
- สองนิ้ว คือ ชี้นิ้ว

บทที่20 เลียงผาอยู่ภูเขา

 เลียงผาอยู่ภูเขา                       หนวดพรายเพราเขาแปล้ปลาย
รูปร่างอย่างแพะหมาย                           ขนเหม็นสาบหยาบเหมือนกัน             
               เลียงผาอยู่พ่างพื้น                  ภูเขา
หนวดพู่ดูเพราเขา                                 ไปล่ท้าย
รูปร่างอย่างแพะเอา                              มาเปรียบ
ขนเหม็นสาบหยาบร้าย                         กลิ่นกล้าเหมือนกันถอด










คำประพันธ์   เลียงผาอยู่บนภูเขา มีรูปร่างคล้ายแพะ มีหนวดงาม ปลายเขาโค้งไปข้างหน้า ขนหยาบและมีกลิ่นเหม็นสาบเช่นเดียวกับแพะ

คำศัพท์
- เพรา , พรายเพรา  หมายถึง  งาม
- แปล้                       หมายถึง   แบนราบ
- ไปล่ท้าย                หมายถึง  ปลายโค้งไปข้างหน้า          


บทที่27 กระจงกระจิตเตี้ย

กระจงกระจิตเตี้ย                   วิ่งเรี่ยเรี่ยน่าเอ็นดู
เหมือนกวางอย่างตาหู                           มีเขี้ยวน้อยสร้อยแนมสอง
               กระจงกระจิดหน้า                  เอ็นดู
เดินร่อยเรี่ยงามตรู                                 กระจ้อย
เหมือนกวางอย่างตาหู                           ตีนกีบ
มีเคี่ยวขาวน้อยช้อย                               แนบข้างเคียงสอง












ถอดคำประพันธ์  กระจงเป็นสัตว์ที่มีตัวขนาดเล็กมองดูน่ารักน่าเอ็นดู มีตาหูและตีนกีบเหมือนกวาง มีเขี้ยวน้อยสีขาวสองเขี้ยวแต่ไม่มีเขา
คำศัพท์
- กระจิด       หมายถึง เล็กน้อย
- แนม          หมายถึง แนบ
- หน้า           หมายถึง หน้า เป็นคำโทโทษของ น่า
- กระจ้อย     หมายถึง เล็กน้อย
- เคี่ยว           หมายถึง เคี่ยว เป็นคำเอกโทโทษของ เขี้ยว
- ช้อย            หมายถึง อ่อนช้อย

** คำเอกโทษ หมายถึง คำที่ไม่เคยใช้เอกแต่เอามาแปลงใช้โดยเปลี่ยนวรรณยุกต์เป็นเอก เพื่อให้ได้เสียงเอกตามบังคับ



บทที่28 ฝูงลิงใหญ่น้อยกระจุ้ย 

ฝูงลิงใหญ่น้อยกระจุ้ย            ชะนีอุ่ยอุ้ยร้องหา
ฝูงค่างหว่างพฤกษา                               ค่างโจนไล่ไขว่ปลายยาง
                ฝูงลิงยวบยาบต้น                  พวาหนา
ฝูงชะนีมี่กู่หา                                         เปล่าข้าง
ฝูงค่างหว่างพฤกษา                               มาสู่
ครอกแครกไล่ไขว่คว้าง                        โลดเลี้ยวโจนปลิว











ถอดคำประพันธ์  ฝูงลิงขย่มต้นพวาอยู่ยวบยาบ ฝูงชะนีร้องกู่หาคู่ของมัน ฝูงค่างกระโดดไปมาระหว่างต้นไม้ ฝูงลิงต่างพากันร้องขู่ตะคอกพร้อมทั้งกระโดดไล่ไขว่คว้ากัน

คำศัพท์
- กระจุ้ย         หมายถึง  เล็กๆ
- ยวบยาบ       หมายถึง อาการที่ลิงขย่มต้นไม้ขึ้นลง
- พวา              หมายถึง  ต้นมะม่วง

- ครอกแครก   หมายถึง เสียงขู่ตะคอกของลิง

บทที่44 งูเขียวรัดตุ๊กแก 


งูเขียวรัดตุ๊กแก                       ตุ๊กแกแก่คางแข็งขยัน
กัดงูงูยิ่งพัน                                            อ้าปากง่วงล้วงตับกิน
               งูเขียวแลเหลื้อมพ่น               พิษพลัน
ตุ๊กแกคางแข็งขยัน                                 คาบไว้
กัดงูงูเร่งพัน                                           ขนดเครียด
ปากอ้างูจึงได้                                          ลากล้วงตับกิน













ถอดคำประพันธ์   งูเขียวตัวเงาเป็นมันแต่ไม่มีพิษถูกตุ๊กแกคาบไว้ ในขณะเดียวกันงูเขียวก็รัดตุ๊กแกจนต้องอ้าปากและเข้าไปล้วงตัยตุ๊กแกเป็นอาหาร

คำศัพท์
- เหลื้อม               หมายถึง เหลื้อม เป็นรูปโทโทษของ เลื่อม หมายถึงเป็น เงามัน
- พันขนดเครียด  หมายถึง รัดให้แน่นมาก


 บทที่45 ยูงทองย่องเยื้องย่าง 


ยูงทองย่องเยื้องย่าง               รำรางชางช่างฟ่ายหาง
ปากหงอนอ่อนสำอาง                           ช่างรำเล่นเต้นตามกัน
               ยูงทองย่องย่างเยื้อง                รำฉวาง
รายร่ายฟ่ายเฟื่องฟาง                            เฉิดหน้า
ปากหงอนอ่อนสำอาง                           ลายเลิศ
รำเล่นเต้นงามหง้า                                  ปีกป้องเป็นเพลง












ถอดคำประพันธ์ นกยูงทองย่องเยื้องย่างแล้วรำแพนหางเชิดหน้าขึ้น เห็นปากงอนอ่อนช้อย แสดงอาการรำเล่นด้วยการยกปีกขึ้นป้องตามเพลง

คำศัพท์
- รางชาง                  หมายถึง งาม สวย เด่น
- ฉวาง                     หมายถึง ขวาง
- รำฉลาง                 หมายถึง แผ่แพนหางออกกว้าง
- รายร่ายฟ่ายเฟื่องหาง           หมายถึง ฟายหาง เป็นกิริยาของนกยูงเวลารำแพนหาง
- หง้า                       หมายถึง  หง้า เป็นรูปโทโทษของ
- ง่า                          หมายถึง  การงอก

บทที่48 ไก่ฟ้าอ้าสดแสง 


ไก่ฟ้าอ้าสดแสง                     หัวสุกแดงแทงเดือยแนม
ปีกหางต่างสีเแกม                                   สีแต้มต่างอย่างวาดเขียน
ไก่ฟ้าหน้าก่ำกล้า                    ปากแหลม
หัวแดงแฝงเดือยแนม                            เนื่องแข้ง
ปีกหางต่างสีแกม                                    ลายลวด
ตัวต่างอย่างคนแกล้ง                             แต่งแต้มขีดเขียน












ถอดคำประพันธ์  ไก่ฟ้าหน้าสุกใสมีปากแหลม หัวสีแดง กำลังแทงเดือยขึ้นมา ปีกหางและลำตัวมีลวดลายสวยงามเหมือนอย่างคนแกล้งแต่งสีให้มัน

บทที่52 ดูหนูสู่รูงู



ดูหนูสู่รูงู                งูสุดสู้หนูสู้งู
หนูงูสู้ดูอยู่                             รูปงูทู่หนูมูทู
ดูงูขู่ฝูดฝู้                 พรูพรู
หนูสู่รูงูงู                                 สุดสู้
งูสู้หนูหนูสู้                            งูอยู่
หนูรู้งูงูรู้                                 รูปถู้มูทู











ถอดคำประพันธ์  งู่ขู่หนูฟู่ๆ เพราะหนูจะเข้าไปในรูงู งูจึงสู้กับหนู หนูก็สู้กับงู สัตว์ทั้งสองต่างก็รู้เชิงซึ่งกันและกันโดยทำเสียงขู่ใส่กัน

คำศัพท์
- มูทู        หมายถึง มูทู คือ มู่ทู่ หมายถึง ป้าน , ไม่แหลม (ในที่นี้ลดวรรณยุกต์เอก)
- ฝู้           หมายถึง ฝู้ เป็นรูปโทโทษของ ฟู่ หมายถึง เสียงดังเช่นนั้น คือ เสียงดังฟู่ เหมือนเสียงงูเวลาขู่
- ถู้           หมายถึง เป็นรูปโทโทษของ ทู่ หมายถึงไม่แหลม

บทที่54 นกแก้วแจ้วเสียงใส 


นกแก้วแจ้วเสียงใส                คลอไคล้คู่หมู่สาลิกา
นกตั้วผัวเมียคลา                                    ฝ่าแขกเต้าเหล่าโนรี
                นกแก้วแจ้วรี่ร้อง                   ร่หา
ใกล้คู่หมู่สาลิกา                                      วดเคล้า
นกตั้วผัวเมียมา                                      มสู่
สัตวาฝ่าแขกเต้า                                     วกพ้องโนรี













ถอดคำประพันธ์ นกแก้วร้องแจ้วๆเร่หาคู่ โดยเข้าไปใกล้หมู่นกสาลิกา ส่วนนกกระตั้วสองตัวผัวเมียกำลังสมสู่กันอยู่ ในขณะที่นกสัตวาจะต้องฝ่านกแขกเต้าเข้าไปหานกโนรีซึ่งเป็นพวกพ้องของมัน

คำศัพท์
- สาลิกา หมายถึง ชื่อนกชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกันกับนกกิ้งโครง ตัวสีน้ำตาลเข้ม หัวสีดำ ขอบตาและปากสีเหลือง มีแต้มขาวที่ปีก ปลายหางสีขาว
- นกตั้ว  หมายถึง นกกระตั้ว เป็นนกปากงุ้มเป็นขอ ลักษณะคล้ายนกแก้ว แต่ตัวโตกว่า
- สัตวา หมายถึง ชื่อนกชนิดหนึ่งในจำพวกนกแก้วตัวโต สีเขียวเกือบจะเป็นสีคราม
- แขกเต้า หมายถึง ชื่อของนกปากงุ้มเป็นขอ ข้างของคอคล้ายเครา ตัวผู้ปากสีแดง ตัวเมียปากสีดำ
- โนรี   หมายถึง ชื่อนกปากขอคล้ายนกแก้ว ตัวมีสีสันสวยงาม

บทที่63 กระจายสยายซร้องนาง


กระจายสยายซร้องนาง        ผ้าสไบบางนางสีดา
ห่อห้อยย้อยลงมา                                  แต่ค่าไม้ใหญ่สูงงาม
                กระจายสยายคลี่ซร้อง          นงพนา
สไบบางนางสีดา                                    ห่อห้อย
ยื่นเลี้อยเฟื้อยลงมา                                โบยโบก
แต่ค่าไม้ใหญ่น้อย                                  แกว่งเยื้องไปมา















ถอดคำประพันธ์  ต้นซ้องนางคลี่ และสไบนางสีดา ต่างก็ยื่นเลื้อยห้อยลงมาแต่ค่าคบไม้น้อยใหญ่ เมื่อยามลมพัดจะแกว่งไปมาดูสวยงามนัก

คำศัพท์
- สยายซร้องนาง     หมายถึง ซ้องนางคลี่ เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง ขึ้นอยู่ตามต้นไม้อื่นๆลำต้นยาวห้อยลง แยกแขนงเป็นคู่
- สไบบางนางสีดา หมายถึง สไบนางสีดา ชื่อพรรณไม้ชนิดหนึ่ง
- ค่าไม้                     หมายถึง ค่าคบ , ง่ามไม้ที่กิ่งแยกกัน

บทที่86 หัวลิงหมากลางลิง 


หัวลิงหมากลางลิง                 ต้นลางลิงแลหูลิง
ลิงไต่กระไดลิง                                      ลิงโลดคว้าประสาลิง
                หัวลิงหมากเรียกไม้                ลางลิง
ลางลิงหูลิงลิง                                         หลอกขู้
ลิงไต่กระไดลิง                                      ลิงห่ม
ลิงโลดฉวยผู้ชม                                     ฉีกคว้าประสาลิง













ถอดคำประพันธ์  กวีกล่าวถึงเถาหัวลิง ต้นหมากลิง และลิงบางตัวก็ขึ้นต้นหูลิงทำหน้าหลอกคู่ของมัน บ้างก็ไล่เถากระโดลิงขย่มเล่น บ้างก็กระโดดฉวยชมพู่คว้ามาฉีกเล่นตามภาษาลิง

คำศัพท์
- หัวลิง หมายถึง ไม้เถาชนิดหนึ่ง ผลขนาดส้มจีน มีสันตรงกลางคล้ายหัวลิง
- หมากลางลิง หมายถึง ชื่อปาล์มชนิดหนึ่ง
- ลางลิง , กระไดลิง หมายถึง ไม้เถาเนื้อแข็งชนิดหนึ่ง เถาแบนยาว
- งอกลับไปกลับมาคล้ายขั้นบันได
- หูลิง หมายถึง ชื่อพรรณไม้ชนิดหนึ่ง
- ขู้  หมายถึง ขู้ เป็นคำโทโทษของคำว่า คู่
- ชมผู้ หมายถึง ชมผู้ เป็นรูปโทโทษของคำว่า ชมพู่ หมายถึงผลไม้ชนิดหนึ่ง

ข้อคิดและคุณค่าที่ได้จากเรื่อง 


ข้อคิด
 1 ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ควรรักษาไว้ เพื่อให้ระบบนิเวศน์ดีขึ้น
 2 การรักษาสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติเป็นหน้าที่ของทุกคน
 3 กวีสามารถสร้างสรรค์งาน โดยอาศัยการสังเกตจากธรรมชาติ
 4 การบันทึกประวัติศาสตร์จะอาศัยข้อมุลจากวรรณคดีในแต่ละสมัย
 5 การเขียน-อ่านคำประพันธ์ ทำให้มนุษย์มีจิตใจที่ละเอียดอ่อนมากยิ่งขึ้น

     คุณค่า
     ให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ ผู้อ่านจะได้รู้จักพืช-สัตว์นานาชนิด ทั้งที่คุ้นตาและแปลกตา ทั้งที่ปรากฏในอดีตและปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็จะได้ศึกษาวิธีการใช้ถ้อยคำของกวีที่สามารถเลือกสรรคำที่เข้าใจง่าย สื่อความหมายได้กรัจ่างชัด สื่อจินตภาพการเคลื่อนไหว สีและเสียง ตลอดจนการเล่นเสียงคำอย่างไพเราะ ทำให้การเสนอภาพธรรมชาติดังกล่าวมีชีวิตชีวา น่าสนใจ แสดงให้เห็นว่าแท้จริงแล้ววรรณคดีไม่ใช่เรื่องที่อ่านยาก เข้าใจยาก หรือน่าเบื่อ






ขอบคุณคราฟ



25 ความคิดเห็น:

  1. งูเหลือมกินสุกร อึ้งทึ่งนอนห่อนเลื้อยไป
    หน่อไม้ขึ้นมาไช ท้องแทงตลอดรอดคลาคลืน ฯ
    งูเหลือมกินลมั่งเนื้อ กวางฟาน
    บ่ห่อนสุดคลาคลาน อิ่มอึ้ง
    นอนใกล้ก่อไผ่สาน แซมหน่อ
    แทงตลอดหลังขาดขรึ้ง เมื่อเลื้อยคลายไป ฯ
    ถอดคำประพันให้น่อยได้มั่ยครบ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ขอถอดคำประพันธ์บทที่96หน่อยคะ

      ลบ
    2. จบ จนจอมโลกย์เจ้า คืนวัง
      บ พิตรสกิตบัลลังก์ เลิศเหล้า
      ริ ร่างกาพย์โคลงหวัง ชนโลกอ่านนา
      บูรณ์ พระโคลงเจ้าฟ้า ธิเบศรเจ้าจงสงวน

      ลบ
  2. อักษรเรียบร้อยถ้อย คำเพราะ
    ผู้รู้อ่านสารเสนาะ เรื่อยขรี้
    บรู้อ่านไม่เหมาะ ตรงเทิ่งไปนา
    ทำให้โคลงทั้งนี้ ชั่วช้าเสียไป


    ช่วยแปลให้หน่อยนะคะ

    ตอบลบ
  3. .....นกหว้าหน้างามลาย .........คือดาวรายพรายเพริศเพรา
    เที่ยวกินถิ่นลำเนา .............พาคู่เคล้าเฝ้าชมกัน ฯ
    .....นกหว้าหน้าเปรียบแต้ม .........ดรูเฉลา
    ตัวลายพรายดาวเพรา ............เพริศหน้า
    เที่ยวกินถิ่นลำเนา................ เคยอยู่
    เคียงคู่เคล้าเฝ้าหล้า.............. เก็บลิ้มเล็มกิน
    ถอดให้หน่อยส่งพน.เเล้ว

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง บทที่ 46

      ลบ
    2. ถอดคำประพันธ์บทที่49หน่อยค่ะ

      ลบ
  4. ถอดคำประพันธ์บทที่3หน่อยค่ะ

    ตอบลบ
  5. ช่วยถอดตอน จบบริบูรณ์ให้หนอ่ยค่ะ

    ตอบลบ
  6. ถอดบทที่96/108หน่อยค่ะ

    ตอบลบ
  7. ช่วยถอดบทที่17หน่อยค่ะ

    ตอบลบ
  8. ช่วยถอดบทที่107หน่อยครับ

    ตอบลบ
  9. ถอดบทที่1 ให้หน่อยค่ะ

    ตอบลบ
  10. ช่วยแปลบทที่1ให้หน่อยได้ไหมคะ
    *เกลื่อนกรูหมู่จัตุรงค์ จนถึง
    *ย่างแหน้หลังดี

    ตอบลบ
  11. ช่วยถอดคำประพันบทที่108ให้หน่อย

    ตอบลบ
  12. บอดภาพพจน์​บทที่6น่อยครับ

    ตอบลบ
  13. ช่วยแปลกตอนที่3บทที่3ให้หน่อยคะ่

    ตอบลบ
  14. ช่วยแปลบทที่1ให้หน่อยครับ

    ตอบลบ
  15. ช่วยแปลบทที่108ให้หน่อยใด้มั้ยค่ะ

    ตอบลบ
  16. ช่วยแปลบทที่108หน่อยครับ


    ตอบลบ
  17. ช่วยแปลบทที่96หน่อยครับ

    ตอบลบ
  18. ช่วยแปลบทที่17หน่อยค่ะ

    ตอบลบ
  19. ช่วยเเปลบทที่ 19 ให้หน่อยค่ะ

    ตอบลบ